วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ต้นพิกุล


ชื่อท้องถิ่น:พิกุล
ชื่อวิทยาศาสตร์:Mimusops elengi
ชื่อสามัญ:Bullet wood
ชื่อวงศ์:Sapotaceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:พิกุลเป็นไม้ยืนต้น ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ รูปรี รูปไข่กว้าง 2-6 เซนติเมตร ยาว 7-15 เซนติเมตร ปลายใบแหลมเป็นติ่งขอบใบเป็นคลื่น ดอกเดี่ยว อยู่รวมกันเป็นกระจุกที่ปลายกิ่งหรือที่ซอกใบ กลีบเลี้ยง 8 กลีบ เรียงซ้อนกัน 2 ชั้น กลีบดอกประมาณ 24 กลีบ เรียงซ้อนกันโคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเล็กน้อย ดอกสีขาว เมื่อใกล้โรยสีเหลืองอมน้ำตาล ดอกบานวันเดียวแล้วร่วง มีกลิ่นหอม ออกดอกตลอดปี ผลสีเหลือง รสหวานอมฝาด
การปลูกเลี้ยง:พิกุลเป็นไม้ยืนต้น ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ รูปรี รูปไข่กว้าง 2-6 เซนติเมตร ยาว 7-15 เซนติเมตร ปลายใบแหลมเป็นติ่งขอบใบเป็นคลื่น ดอกเดี่ยว อยู่รวมกันเป็นกระจุกที่ปลายกิ่งหรือที่ซอกใบ กลีบเลี้ยง 8 กลีบ เรียงซ้อนกัน 2 ชั้น กลีบดอกประมาณ 24 กลีบ เรียงซ้อนกันโคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเล็กน้อย ดอกสีขาว เมื่อใกล้โรยสีเหลืองอมน้ำตาล ดอกบานวันเดียวแล้วร่วง มีกลิ่นหอม ออกดอกตลอดปี ผลสีเหลือง รสหวานอมฝาด
อ้างอิง:https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5

ดอกเฟื่องฟ้า


ชื่อท้องถิ่น:เฟื่องฟ้า
ชื่อวิทยาศาสตร์: Bougainvillea hybrid
ชื่อสามัญ:Bougainvillea, Paper Flower
ชื่อวงศ์:Nyctaginaceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:ป็นไม้ยืนต้นประเภทพุ่มกึ่งเลื้อยอายุยืนหลายสิบปี ขนาดตั้งแต่พุ่มเล็กถึงพุ่มใหญ่ มีหนามขึ้นตามลำต้นอยู่เหนือใบ ใบเป็นใบเดี่ยวแตกออกสลับกับกิ่งหรือเยื้องกัน มีขนขึ้นปกคลุมเล็กน้อย มีสีเขียวหรือใบด่าง รูปร่างรีแหลมยาว 3-6 ซม. กว้าง 2.5 ซม. ใบประดับลักษณะคล้ายรูปหัวใจหรือรูปไข่มี 3-5 ใบ มีหลายสี เช่น ม่วง แดง ชมพู ส้ม ฟ้า เหลืองและอื่นๆ ผู้พบเห็นทั่วไปมักเข้าใจว่าใบประดับคือดอก ดอกมีทั้งดอกสมบูรณ์เพศและไม่สมบูรณ์เพศ ออกเป็นช่อตามซอกใบหรือปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3 ดอก เป็นหลอดยาว 1-2 ซม. ติดอยู่ที่เส้นกลางใบของใบประดับ ส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าดอกคือเกสรดอก ดอกเป็นชนิดไม่มีกลีบดอก มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ มีเกสรตัวผู้ 5-10 อัน การปลูกเลี้ยงในประเทศไทยมักจะเกิดการกลายพันธุ์ โดยเนื้อเยื่อบริเวณตามีการเปลี่ยนแปลงในระดับเซลทำให้ส่วนต่างๆ เปลี่ยนไป เช่น สีของใบประดับเปลี่ยนไป กลายพันธุ์เป็นใบประดับซ้อน กลายพันธุ์เป็นใบด่าง กลายพันธุ์เป็นดอกกระจุก เป็นต้น
การปลูกเลี้ยง:1.การปักชำ การปักชำเฟื่องฟ้าเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุดสำหรับการขยายพันะธุ์เฟื่องฟ้า เนื่องจากสามารถติดรากได้ดีในเวลารวดเร็ว ง่าย และเกิดการประหยัด รวมถึงได้ดอกตามต้นพ่อแม่พันธุ์ตามต้องการ วิธีนี้จะใช้กิ่งแก่ ตัดความยาวประมาณ 20 ซม. ตัดในช่วงไม่ออกดอก แต่หากเป็นกิ่งใหญ่ ให้ตัดยาว 70-100 ซม. ปักชำในกระถางหรือถุงเพาะชำ โดยใช้ดินผสมกับวัสดุต่างๆ เช่น แกลบ ขี้เถ้า ขี้เลื่อย และมูลโค อัตราส่วนผสมดินกับวัสดุที่ 2:1 หรือ 1:1 หลังจากนั้นรดน้ำทุกวัน วันละครั้ง ประมาณ 14-30 วัน รากจะเริ่มแทงออก
                2.การตอน เป็นวิธีที่ไม่ค่อยนิยมนัก เนื่องจากกิ่งเฟื่องฟ้ามีหนาม และเป็นข้อสั้น ระยะแทงรากนาน          
                3.การเพาะเมล็ด เป็นวิธีที่ไม่ค่อยนิยมเช่น มักใช้ในวิธีการปรับปรุงพันธุ์เท่านั้น เนื่องจากต้นใหม่มักจะให้สีที่แตกต่างไปจากต้นพ่อแม่พันธุ์เดิม
อ้างอิง:http://www.rspg.or.th/plants_data/kp_bot_garden/fuengfa.htm https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น